ThaiPBS Logo

คุ้มครองปะการัง 17 จังหวัด คุมเข้ม“ท่องเที่ยวดำน้ำ”

25 เม.ย. 256816:37 น.
คุ้มครองปะการัง 17 จังหวัด คุมเข้ม“ท่องเที่ยวดำน้ำ”
  • เที่ยวดำน้ำต้องมีผู้ควบคุมหรือผู้ช่วย ลงเรือทุกครั้ง  ถ่ายภาพใต้น้ำ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ ห้ามแตะ เตะ ปะการัง สัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตในทะเล มีผลบังคับใช้ทันที และใช้ต่อเนื่อง 5 ปี
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประกาศมาตรการคุมกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ เพื่อคุ้มครองปะการังที่เสื่อมโทรมจากการท่องเที่ยวและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยห้ามถ่ายภาพใต้น้ำ-ดำน้ำต้องมี “ผู้ควบคุมที่ได้รับอนุญาต”ไปกับเรือทุกครั้ง ห้ามดำน้ำในแนวปะการัง ห้ามแตะปะการัง สัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตในทะเล

ปัญหาหลักที่ยังคงเกิดขึ้นกับแนวปะการังในประเทศไทย ทั้งจากอุณหภูมิโลกที่เปลี่ยนแปลงไปจนเกิด “ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว” และภัยคุกคามที่เกิดจากนักท่องเที่ยว ในแนวปะการังที่ขาดความรับผิดชอบ ทำให้ปะการังพื้นที่กว่า 149,182 ไร่ ใน 17 จังหวัด ถูกคุกคามอย่างหนัก และอาจจะเสื่อมโทรมหากไม่มีมาตรการควบคุม

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  โดยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้ออกประกาศ มาตรการคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ พ.ศ. 2568  เพื่อคุ้มครองทรัพยากรปะการังจากกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ขึ้นเพื่อบังคับใช้กับ “ผู้ประกอบการที่จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ”

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศดังกล่าวเมื่อ 22 เม.ย. 68  โดยมีผลบังคับใช้ทันที และใช้ต่อเนื่อง 5 ปี ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในการปกป้องระบบนิเวศใต้ทะเลที่เปราะบางจากผลกระทบของกิจกรรมท่องเที่ยว

เนื้อสำคัญของประกาศฉบับนี้ครอบคลุมมาตรการหลายประการที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งในด้านการฝึกอบรมผู้ควบคุมกิจกรรมดำน้ำ การจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมต่อผู้ควบคุม ไปจนถึงข้อห้ามที่ชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่อาจทำลายแนวปะการัง ดังนี้

 “เที่ยวดำน้ำ”ต้องมีผู้ควบคุมหรือผู้ช่วย

ผู้ประกอบการที่จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ต้องจัดให้มี “ผู้ควบคุมหรือผู้ช่วยควบคุม” ที่ผ่านการอบรมตามหลักสูตรที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยกำหนดให้ต้องเดินทางไปกับนักท่องเที่ยวทุกครั้ง

หน้าที่ของผู้ควบคุมต้องชี้แจงกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงวิธีการดำน้ำที่ไม่กระทบต่อปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลให้กับนักท่องเที่ยวทราบก่อนการดำน้ำสำหรับอัตราส่วนผู้ควบคุม ต่อ นักท่องเที่ยว แบ่งตามประเภทการดำน้ำ ดังนี้

  •  การดำน้ำลึก (Scuba) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักดำน้ำไม่เกิน 4 คน
  •  การดำน้ำตื้น (Snorkel) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักดำน้ำไม่เกิน 20 คน
  • ดำน้ำอิสระ (Freediving) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักดำน้ำไม่เกิน 20 คน
  • การทดลองเรียนดำน้ำ (DSD or Try Dive) ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักเรียนไม่เกิน 2 คน การเรียนและการสอบดำน้ำลึก ผู้ควบคุม 1 คน ต่อนักเรียนไม่เกิน 4 คน
  • ห้ามเรียนบนแนวปะการัง ต้องเรียนบนพื้นทรายเท่านั้น

คุมเข้มนักเที่ยวห้ามถ่ายรูปใต้น้ำ

นอกจากนี้ ยังมีมาตรการดำน้ำในบริเวณแนวปะการัง ทั้งการดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก ให้กับนักดำน้ำมือใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ พร้อมกำกับดูแล และควบคุมการประกอบกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำบริเวณแนวปะการังให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันโดยมีข้อปฏิบัติ ดังนี้

  • ในการดำน้ำลึก (Scuba) ห้ามนำกล้องลงไปถ่ายภาพใต้น้ำ ยกเว้นมีผู้ที่ผ่านหลักสูตรดำน้ำลึกระดับเทียบเท่า Advanced หรือมีประสบการณ์ดำน้ำ 40 ไดฟ์ขึ้นไป ทำหน้าที่ถ่ายภาพให้ หากมีการเรียนหรือสอบดำน้ำลึก ห้ามครูและนักเรียน ถ่ายภาพใต้น้ำ (ยกเว้นการเรียนตามหลักสูตรถ่ายภาพใต้น้ำ)
  • ถ้าต้องการถ่ายภาพในการเรียนจะต้องมีบุคคลทำหน้าที่ถ่ายภาพโดยเฉพาะ เพราะหากไม่เชี่ยวชาญในการดำน้ำจะทำให้ปะการังเกิดความเสียหาย

สำหรับสาเหตุที่ต้องออกมาตรการนี้ เป็นเพราะ “การถ่ายภาพใต้น้ำ” กลายเป็นกิจกรรมยอดฮิตของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักเรียนดำน้ำมือใหม่ ซึ่งมักมีทักษะการลอยตัวไม่ดีพอ เสี่ยงต่อการกระทบกระเทือนปะการังโดยไม่ตั้งใจ เช่น ลอยตัวไม่อยู่แล้วใช้มือเท้าหรือกล้องยันพื้นทะเล หรือการใช้แฟลชที่รุนแรงใส่สัตว์น้ำโดยไม่รู้ตัว

  • ในการดำน้ำตื้น (Snorkel) หากดำน้ำตื้นในบริเวณแนวปะการังระดับน้ำจะต้องสูงไม่น้อยกว่า 2 เมตร จากยอดปะการัง หากมีการใช้ตีนกบ ผู้ควบคุมต้องแจ้งวิธีการใช้ตีนกบไม่ให้กระทบต่อปะการัง และต้องใส่ชูชีพทุกครั้ง เว้นแต่ผ่านหลักสูตรการดำน้ำลึกหรือหลักสูตรการดำน้ำอิสระมาแล้ว“

ห้ามดำน้ำบริเวณแนวปะการัง

นอกจากนี้ยังมีมาตรการห้ามการดำน้ำบริเวณแนวปะการัง ดังนี้

  • ห้ามผู้ควบคุมเคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตใดๆมาให้นักท่องเที่ยวดู
  • ห้ามแตะ เตะ ปะการัง สัตว์น้ำและสิ่งมีชีวิตใดๆ
  • ห้ามทำตะกอนตกใส่ปะการัง ห้ามทำให้ปะการังเกิดความเสียหาย
  •  ห้ามให้อาหารสัตว์น้ำ ห้ามทิ้งขยะลงทะเล
  • ห้ามทำกิจกรรม Sea Walker หรือกิจกรรมที่มีการเดินบนพื้นทะเล

นอกจากนี้กรมทรัพยากรทางทะเลได้ดำเนินการจัดทำ (ร่าง) ระเบียบกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ว่าด้วย ผู้ควบคุมและผู้ช่วยผู้ควบคุมการท่องเที่ยวดำน้ำในบริเวณแนวปะการัง โดยมีมัคคุเทศก์ ผู้นำการดำน้ำ และครูสอนดำน้ำ หรือระดับเทียบเท่าขึ้นไป ผ่านการฝึกอบรมแล้ว จำนวน 1,946 คน

ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการออกบัตรให้กับผู้ผ่านการฝึกอบรม โดยหากผู้ประกอบการที่จัดกิจกรรมท่องเที่ยวดำน้ำ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว จะมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พ.ศ. 2558 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เพื่อประโยชน์ในการสงวน คุ้มครอง อนุรักษ์ หรือฟื้นฟูทรัพยากรปะการัง ให้คงอยู่ต่อไปในอนาคต

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:

นโยบายที่เกี่ยวข้อง

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ คือ ปัญหาที่ไทยและทั่วโลกให้ความสำคัญและพยายามหาทางรับมือแก้ไข โดยรัฐบาลประกาศสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยในปี 2567 ได้เข้าร่วมประชุม COP29 เพื่อแสดงบทบาทความร่วมมือกับประชาคมโลก

  • 1
  • 2
  • 3
  • 4
  • 5

ผู้เขียน: