Policy Watch นำข้อมูลมาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ปี 2567 และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง มาเปรียบเทียบกับ มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568 ที่ทั้งคู่ถูกจัดทำโดย กรมควบคุมมลพิษ เพื่อดูเป้าหมายและการดำเนินการในปีที่ผ่านมา และคาดการณ์การถึงผลลัพธ์การทำงานเพื่อลดมลพิษทางอากาศในปีนี้
โดยเป้าหมายและนโยบายที่ถูกตั้งโดยรัฐบาล เป็นเสมือนคำสัญญาและตัวชี้วัดการปฏิบัติงานของภาคส่วนต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นการให้ความหวังประชาชนในการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศให้ดีขึ้นได้ในกรอบระยะเลา 1 ปี
การตั้งเป้าหมายของมาตรการตามเอกสาร 2 ฉบับนี้มีความแตกต่างกันอยู่บ้าง อย่างในปี 2567 มีเป้าหมายลดพื้นที่เผาในป่าอนุรักษ์ 10 แห่ง ในป่าสงวน 10 แห่ง แต่ก็มีการจัดรูปแบบพื้นที่ใหม่ในปี 2568 ให้ตอบโจทย์พื้นที่ป่าแปลงใหญ่มากขึ้น
หลังจากรัฐบาลได้ประกาศให้การแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองเป็นวาระแห่งชาติตั้งแต่ปี 2562 ได้เกิดแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ที่ดำเนินการโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับ “แผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองประจำปี” ที่มีแผนมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564
ที่ผ่านมา เคยมีตัวอย่างการจัดการฝุ่นละอองจากแผนปี 2564 ที่ทำให้ตัวเลขฝุ่นในช่วงปีนั้นลดลง ค่าเฉลี่ยฝุ่นละออง 24 ชั่วโมง ลดลง 16% ในปี 2565 และจำนวนวันที่ฝุ่นเกินมาตรฐานลดลง 56% เทียบกับปี 2564 และอาจจะเชื่อมโยงกับการที่จุดความร้อนลดลง 61%
มาตรการแก้ปัญหาฝุ่นสามารถแบ่งตามช่วงเวลาของปัญหาฝุ่น นั่นคือ: เตรียมการ เผชิญเหตุ บรรเทา และแถมด้วยมาตรการบริหารจัดการในภาพรวม โดยแบ่งย่อยตามหมวดหมู่อย่างเช่นภาคป่าไม้ เกษตรกรรม หรือข้ามพรมแดน
โดยมาตรการเหล่านี้เป็นคำขอจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่งต่อไปถึงหน่วยงานภาครัฐอื่น ๆ ทั้งส่วนกลางและท้องถิ่น รวมไปถึงภาคสื่อมวลชน ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อีกหนึ่งความแตกต่างที่น่าสนใจระหว่างปี 2567 และ 2568 คือกลไกการบริหารจัดการ มาตรการรับมือฝุ่นพิษของทั้ง 2 ปี
ปี 2567:
- ระดับชาติ: บริหารกลไกโดยคณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นประธาน มีบทบาทหน้าที่เสนอแนะนโยบาย อำนวยการ มอบหมาย ควบคุมกำกับ ประสานงาน และติดตามงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีกรมควบคุมมลพิษเป็นผู้ประสานงานหลัก
- ระดับพื้นที่: ศูนย์ปฏิบัติงานระดับจังหวัดโดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานศูนย์ (ในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ) แก้ปัญหาไฟป่า การเผาที่โล่ง หมอกควัน และฝุ่นละออง เชื่อมโยงนโยบายสู่การปฏิบัติในพื้นที่ จัดการแบบเบ็ดเสร็จ
ปี 2568:
- ระดับชาติ: บริหารกลไกโดยคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ มีบทบาทหน้าที่เสนอแนะนโยบาย อำนวยการ มอบหมาย ควบคุมกำกับ ประสานงาน และติดตามการดำเนินงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีกรมควบคุมมลพิษเป็นผู้ประสานงานหลักเช่นเดิม
- ระดับพื้นที่: มาตรการฉบับใหม่ได้มีการแบ่งการบริหารในพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ กลไกการบริหารจัดการระดับจังหวัดเช่นเดิม และเพิ่มกลไกการบริหารระดับภาคหรือข้ามเขตป่าหรือเขตปกครอง มีอำนวยการบูรณาการแก้ไขปัญหาไฟป่า ควบคุมและดับไฟในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัด
ผลลัพธ์การแก้ฝุ่น เป็นไปตามเป้าหรือไม่
จากการเทียบข้อมูลการเผาในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศช่วง 5 เดือนแรกของปี 2567 ชี้ให้เห็นความน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรกรรมนอกเขต 17 จังหวัดภาคเหนือที่เพิ่มขึ้น 878% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แน่นอนว่า ไม่เป็นไปตามเป้าหมายการลดพื้นที่เผา
แม้พื้นที่ป่าอนุรักษ์ใน 17 จังหวัดภาคเหนือจะมีการเผาลดลง 14% แต่พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติกลับมีการเผาเพิ่มขึ้น 2.35% ขณะที่พื้นที่เกษตรกรรมในภาคเหนือมีการเผาเพิ่มขึ้น 33.45%
ในส่วนของฝุ่นพิษ PM2.5 จะเห็นได้ว่า ตัวเลขค่าเฉลี่ยของฝุ่นในแต่ละพื้นที่ของประเทศไทยไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ แต่ยังมีพื้นที่ที่ค่าฝุ่นยังคงสูงและยังไม่บรรลุเป้าที่ตั้งไว้ เช่นเดียวกันกับเป้าหมายลดจำนวนวันที่ค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน โดยทุกพื้นที่มีวันที่ฝุ่นเกินค่ามาตรฐาน เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ในจำนวนที่มากขึ้น
เป้าปีนี้ จะทำได้ไหม ทำได้รึเปล่า
กรมควบคุมมลพิษ ตั้งเป้าหมายเรื่องการเผาไหม้และฝุ่นควันไว้ค่อนข้างยาก โดยเริ่มจากการตั้งเป้าพื้นที่เผาไหม้ป่าลดลง 25% จากปี 2567 ในพื้นที่ 9 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดกาญจนบุรี และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในส่วนของพื้นที่เผาไหม้ภาคเกษตร ให้ลดพื้นที่เผาลง 30% ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ และ 30% ในพื้นที่นาข้าวทั้งประเทศ ในส่วนพื้นที่เมือง ตั้งเป้าหมายให้ยานพาหนะและอุตสาหกรรมเป้าหมายปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบ 100%
นอกจากการวัดผลเชิงปริมาณ แผนมาตรการรับมือไฟป่าฉบับใหม่นี้ยังเจาะลึก เน้นย้ำกลุ่มพื้นที่ป่าแปลงใหญ่เสี่ยงเผาไหม้ 14 กลุ่มป่า หรือนับเป็น คลัสเตอร์ วัดผลด้วยการควบคุมจํานวนจุดความร้อนจากการเผาไหม้ในพื้นที่
การลดจุดความร้อนในคลัสเตอร์ป่า ดำเนินการโดยมีกลไกการบริหารจัดการไฟแปลงใหญ่ที่ข้ามเขตป่าหรือเขตปกครอง ลดผลกระทบจากฝุ่นละออง ทั้งเชิงขนาด เชิงปริมาณ และเชิงระยะทาง บูรณาการความร่วมมือของชุมชนรอบป่าและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม โดยให้มีการจัดสรรงบประมาณสู่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่แปลงป่าใหญ่
การที่เป้าหมายในปี 2567 ทำได้ไม่สำเร็จทุกข้อ สนับสนุนความจำเป็นและความต้องการเริ่มใช้ พ.ร.บ.อากาศสะอาด ที่น่าจะเข้ามาช่วยอุดรอยรั่วของมาตรการประจำปีนี้ และยังคงต้องติดตามการบังคับใช้มาตรการรายปี “มาตรการรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2568” ว่าจะสามารถช่วยลดการเผา ลดการปล่อยมลพิษ ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่