
โลกเข้าสู่ยุค “สุดขั้ว” แต่ระบบจัดการภัยพิบัติไทยยังเปราะบาง ถึงเวลาเลิกวิธีคิดแบบ “แยกส่วนทำ” แล้วนำ “ภัยพิบัติสุดขั้ว” เข้าไปอยู่ในหัวใจทุกภาคส่วน ทุกมิตินโยบาย พร้อมจัดตั้ง “หน่วยงานกลางเป็นเจ้าภาพ” ให้การบริหารจัดการมีความต่อเนื่อง เป็นอิสระ และครอบคลุมภัยพิบัติในทุกมิติอย่างแท้จริง

เมื่อ "น้ำท่วมหาดใหญ่" กลายเป็น “ภาพก๊อปปี้” ของปัญหาการจัดการภัยพิบัติเดิมที่แก้ไม่ตก ท่ามกลางสถานการณ์ยุคโลกรวน ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ต้องเลิก "รัฐพิธีกรรม" เร่งรัดใช้ข้อเสนอเชิงนโยบายที่มี อย่าง “สมุดปกแดง” มาปรับใช้กับสถานการณ์จริง ก่อนที่ความเจ็บปวดจะวนลูปกลับมาเป็นความสูญเปล่าที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ประเทศไทยกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่จากภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงและความถี่มากขึ้น โดยเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งหลายภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วประเทศได้สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินมหาศาล ทั้งยังเป็นคำเตือนให้ประเทศไทยเตรียมรับมือกับภัยธรรมชาติที่ไม่อาจปฏิเสธได้ในอนาคต

วิกฤตอุทกภัย และปริมาณดินโคลนจำนวนมหาศาลที่พัดพาความเสียหายมาสู่เชียงรายรอบล่าสุด สะท้อนถึงปัญหา “โลกรวน” ที่การจัดการในรูปแบบเดิมไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป วงเสวนาระดมความคิดเห็น สู่มิติใหม่ในการจัดการภัยพิบัติอย่างยั่งยืน เสนอแผน 3 ระยะ พร้อมผลักดันให้มีกลไกร่วมระหว่างรัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม