อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี นับว่าเป็นผู้ที่เข้าไปมีบทบาทโดยตรงกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไทยหลายครั้ง ในบทบาทต่าง ๆ กัน และยังได้เสนอมุมมองต่อสถานการณ์บ้านเมืองทุกครั้งที่เห็นว่ากำลังนำไปสู่สิ่งที่ไม่พึงปราถนาในสังคม แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาเพียงเล็กน้อย ก็มักจะมีมุมมองที่น่าสนใจและให้หลายคนกลับไปคิด
ล่าสุด เป็นประธานเปิดงาน “บนเส้นทางศิลปะ: Journey on Art Manifolds” เป็นงานแสดงศิลปะของนักคิดนักเขียนคนสำคัญของไทย ธีรยุทธ บุญมี จัดแสดงขึ้นระหว่างวันที่ 20 ส.ค. – 1 ก.ย. 2567 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร แม้จะกล่าวเพียงสั้น ๆ แต่สะท้อนให้เห็นถึงมุมมองต่อสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้เป็นอย่างไร โดยมีรายละเอียดบางตอนดังนี้
…
พี่น้องผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับเหตการณ์ตุลาคม 2516 ผมถือเป็นข้าวนอกนา มีส่วนเกี่ยวข้องกับเดือนตุลาเพราะถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ หลังจาก 6 ตุลาคม 2519 แต่ชีวิตผมก็มีอุดมการณ์อยู่ในใจเสมอ แต่ไม่ค่อยแสดงออก แม้กระนั้นก็ดีจะมีการกล่าวหาผมในเรื่องต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดาของสังคมไทย
มาวันนี้มันไม่ใช่เรื่องของเดือนตุลาคม แต่เป็นเรื่องของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับ 14 ตุลาฯ คุณธีรยุทธ บุญมี คืองานเขียนภาพศิลปะ
ผมก็ค่อนข้างแปลก ผมเกิดในตระกูลอำมาตย์ แต่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ซึ่งในช่วงหลัง 6 ตุลาคม 2519 อันนี้มันเป็นการแสดงความแปลกประหลาดของสังคมไทย ว่ามีคนจำนวนหนึ่งที่มีความแปลกประหลาดในใจและในสมอง
ผมยังจำได้ตอนผมเด็ก ๆ มีกรณี 4 นักการเมืองภาคอีสาน ผมจำชื่อไม่ค่อยได้ ที่ถูกอุ้มหาย และถูกฆ่า ตั้งแต่นั้นมามันก็มีกรณีการหายตัว และ ถูกฆ่าตลอดมา ทั้ง 6 ตุลาฯ หรือ 14 ตุลาฯ อะไรก็ได้นึกอยากจะฆ่าใครก็ฆ่า กรณี บุญสนอง บุณโยทยาน หรือ มีบางคนก็ฆ่าตัวตายเพราะความผิดหวังเช่น นักสิ่งแวดล้อม อย่างคุณสืบ นาคะเสถียร
ผมมานึกถึงประวัติศาสตร์ของเมืองไทยมันเต็มไปด้วยความอยุติธรรม เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดมาตลอด แต่มาวันนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องนึกถึงเรื่องความเศร้าหมอง เมื่อกี้ เราพึ่งร้องเพลงที่เรียกว่าเพลงชาติของ คอมมิวนิสต์ (แสงดาวแห่งศรัทธา) ผมก็ชอบ เพลงนี้มาก ทำให้ผมคิดถึง จิตร ภูมิศักดิ์ ผมไม่รู้จักท่าน แต่ได้อ่านหนังสือของท่าน และมีการสร้างอนุสาวรีย์ด้วย ซึ่งผมถือว่าเป็นเพชรน้ำหนึ่งของสังคมไทย ซึ่งถูกพรากชีวิตไปในวัยที่ไม่สมควรและไม่สมเหตุสมผล
“ผมเห็นว่าสังคมไทยเก่งในเรื่องของการตัดชีวิต ตัดอนาคตของคนที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศ”
กว่า 92 ปีเท่าอายุผม เท่าอายุประชาธิปไตยของเมืองไทย ผมเติบโตมาและอาจจะถึงวันตายในอีกไม่ช้านี้ แต่ประชาธิปไตยเมืองไทยก็ยังเป็นเด็กทารกอยู่ ไม่เอาไหนทั้งสิ้น
แต่วันนี้เรามาแสดงความยินดีกับคนคนหนึ่ง ธีรยุทธ บุญมี ใช้ชีวิตมามากมายต่อสู้มามากมายเข้าป่าได้ชีวิตคู่ในป่า แต่มีงานอดิเรกที่ดี คือในงานเขียนภาพสีน้ำมันและสีพาสเทล
“ความจริงแล้วผมเป็นคนสละความโกรธ แค้น อิจฉาริษยาและพยาบาท แต่ก็เริ่มอิจฉาและน้อยใจตัวเองว่าคนอย่างเรามีความสำเร็จในการงานในด้านต่าง ๆ พอสมควรแต่ไม่สามารถมีงานอดิเรกที่ดีได้”
คนหลายคนมีงานอดิเรกของตัวเอง เช่น เขียนภาพเป็นจิตรกร เล่นดนตรี เป็นนักเขียนคอลัมนิสต์ ซึ่ง ดนตรี ผมชอบ แต่เล่นอะไรไม่เป็นสักอย่าง ภาพเขียนผมก็ชอบทั้งภาพไทยและภาพต่างประเทศ แต่ก็ไม่คิดจะลงมือเขียน เพราะฉะนั้นผมเป็นคนที่ขาดบางอย่างในชีวิต ผมไม่มีงานอดิเรก ที่มีทำให้มีความสุขในยามที่ไม่ทำงาน เพราะฉะนั้นนี้คือความอิจฉาในใจ
ผมรู้จักธีรยุทธมากกว่า 30 ปี ซึ่งเขาเป็นนักคิด นักพูดมีอุดมการณ์ เป็นผู้นิสัยดี มีจริยธรรมดี แต่อย่าไปถามศาลรัฐธรรมนูญนะเค้าอาจจะวินิจฉัยไปอีกอย่าง และเพึ่งมารู้เมื่อไม่กี่ปีมานี้เองว่าเขามีอารมณ์ศิลปิน เค้าเขียนรูป แต่ไม่คิดว่าเค้าจะเขียนอะไรมากมายขนาดนี้