สงครามการค้าเริ่มขึ้นแล้ว เมื่อสหรัฐประกาศขึ้นภาษีแคนาดา-เม็กซิโก-จีน พร้อมเตรียมขยับขึ้นกับหลายประเทศเดือนเม.ย.นี้ ขณะที่จีนตอบโต้ทันที โดยนักวิเคราะห์คาดว่าจะส่งผลกระทบมากกว่าครั้งก่อนและเป็นสงครามการค้าครั้งประวัติศาสตร์
สงครามการค้ารอบแรก หลังสหรัฐประกาศมาตรการภาษีไปหลายประเทศ พร้อมเปิดให้มีการเจรจา กนง.ประเมินยังมีความเสี่ยงต่ำจากผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง นักวิเคราะห์ประเมินไทยกับอินเดียเสี่ยงสูงเจอมาตรการภาษี
สำนักวิจัยแบงก์คาดว่าในการประชุมกนง.ครั้งหน้า 30 เม.ย. จะคงดอกเบี้ย แต่มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้ ขณะที่เศรษฐกิจไทยเผชิญกับแรงกดดันจากสงครามการค้า ยังมีความไม่นอนสูง
เดือนแรกของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มเดินหน้านโยบายที่ประกาศไว้ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีกับประเทศที่สหรัฐฯเห็นว่าเอาเปรียบตนเอง โดยเฉพาะประเทศยักษ์ในเอเซียอย่างจีน ที่สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษี 10% รวมทั้งมีการปรับขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมีเนียม ซึ่งจากมาตรการทางภาษีดังกล่าวกระทบต่อไทย ทั้งทางตรงและทางอ้อม
ความกังวลสงครามการค้าจากนโยบายทรัมป์ 2.0 จะลดลง หลังจากสหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีเม็กซิโก-แคนนาดา แต่ขึ้นภาษีจีน 10% แต่การเตรียมการของสหรัฐฯชี้ให้เห็นว่าความไม่แน่นอนการค้าทั่วโลกยังสูง แม้ว่าไทยจะได้ประโยชน์ในระยะสั้น
แม้ว่ารัฐบาลยังรอดูความชัดเจนของนโยบายทรัมป์ 2.0 แต่หากติดตามใกล้ชิด ไทยอาจได้รับผลกระทบมากกว่าที่คิด เพราะไทยติดอันดับสองของอาเซียนที่สหรัฐฯ เพ่งเล็งภายใต้นโยบาย Trump 2.0 ซึ่งอาจถูกกดดันให้เปิดตลาดนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่มเติมแลกกับการผ่อนคลายเงื่อนไขกีดกันทางการค้ารอบใหม่
นโยบายขึ้นภาษีสินค้าของทรัมป์ กำลังจะสร้างสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯกับจีน และทั่วโลก แบงก์ชาติมองจะส่งผลกระทบเครื่องยนต์เศรษฐกิจไทยในหลายด้าน เนื่องจากไทยมีความเชื่อมโยงกับจีนอยู่มาก
หลายฝ่ายคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบหนักจากนโยบายขึ้นภาษีของทรัมป์ 2.0 ทั้งการส่งออกและการแข่งขัน SCB EIC แนะรัฐบาลเปิดโต๊ะเจรจากับสหรัฐฯยื่นข้อเสนอทางการค้าเป็นการแลกเปลี่ยน พร้อมกับหาวิธีดึงดูดนักลงทุนเข้าประเทศให้มากขึ้น
กสิกรไทย คาดกำแพงภาษีสหรัฐฯกระทบไทยหนักทั้งทางตรงและทางอ้อม ฉุด GDP 0.6% ในปี 68 ชี้ธุรกิจ SMEs เสี่ยงสูง อาจแย่ลงเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน จากการแข่งขันกับสินค้าจีนทั้งในประเทศและนอกประเทศ
จับตา "Trump Effect" หลังทรัมป์สาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สอง 20 ม.ค. 68 ทั้งนโยบายการค้าแบบกลับด้าน จากสงครามการค้ารอบใหม่ และนโยบายความมั่นคงท่ามกลางสถานการณ์สงครามและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลก
การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้น 5 พ.ย. 67 เป็นตัวแปรที่กำหนดทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ ในอีก 4 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลต่อไปยังแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงเศรษฐกิจโลก