ThaiPBS Logo

Policy Forum ครั้งที่ 8 I แก้ PM 2.5 เชียงใหม่

11 มี.ค. 256712:11 น.
ผ่านครึ่งทางของฤดูฝุ่นเชียงใหม่ ซึ่งปีนี้มีการ "ปรับกระบวนทัศน์" ตามแบบ 'ชียงใหม่โมเดล' ทั้งปัญหา PM2.5 จาก "ห้ามเผา" เป็น "จัดการเผาเท่าที่จำเป็น", ใช้ฐานข้อมูล Big Data วิเคราะห์ ประเมินสถานการณ์ และกระจายอำนาจตัดสินใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานรัฐและภาคประชาชน ตั้งเป้าลดการเผา ...แต่ยังมีอีกมีหลายโจทย์ต้องแก้เพื่อไปต่อ

ท่ามกลางสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ที่พุ่งสูงในหลายพื้นที่ นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ประกาศเร่งเดินหน้าแก้ไขทั้งเรื่อง ‘จุดความร้อน’ และ ประสานความร่วมมือกับต่างประเทศ ที่สำคัญคือให้ยึด ‘เชียงใหม่โมเดล’ เป็นแนวทางในการแก้ปัญหา

จุดเด่นของ ‘เชียงใหม่โมเดล’  คือการเปิดให้ภาคส่วนต่าง ๆ ในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่รอให้ส่วนกลางหรือคนนอกพื้นที่มาเป็นฝ่ายสั่งการ ทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างตรงจุด รวดเร็วและตอบโจทย์พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเปลี่ยนจากการสั่งการแบบบนลงล่าง เป็นล่างขึ้นบน

นอกจากนี้  ในเรื่องไฟป่าได้มีการทบทวนแนวคิดจาก Zero Burning  หรือ ห้ามเผาเด็ดขาด มาเป็น Fire Management หรือ การบริหารจัดการเชื้อเพลิง โดยกำหนดพื้นที่เป็น 1. พื้นที่สำคัญ ห้ามเผา 2. พื้นที่จำเป็น บริหารการเผาแบบควบคุม และ 3. ลดปริมาณเชื้อเพลิง

ในส่วนของการบริหารจัดการเผาแบบควบคุม จะใช้ระบบการจองเผาในพื้นที่เกษตรผ่านแอปพลิเคชัน  Fire D ที่จะมีข้อมูลพื้นฐานทั้งปริมาณฝุ่น PM 2.5  ฮอตสปอต  กระแสลมแบบเรียลไทม์​ และพยากรณ์ล่วงหน้าได้ 3-5 วัน ซึ่งจะใช้ประกอบการพิจารณาในการจองคิวเผา ว่าเวลาเผาได้ หรือไม่ควรเผา เป็นการจัดการโดยใช้ข้อมูลวิชาการ

 

The Active ร่วมกับองค์กรเครือข่าย เปิดพื้นที่ฟังข้อมูล แลกเปลี่ยนมุมมอง เสนอแนะ เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการฝุ่นควันจากการเผา ใน Policy Forum ครึ่งทางฤดูฝุ่น จัดการไฟแก้ PM2.5 เชียงใหม่
  • เปิดฐานข้อมูล สถานการณ์ปัญหาหมอกควันไฟ เชียงใหม่
  • กลไกบริหารจัดการ “เชียงใหม่โมเดล” จัดระบบการเผา ลดฝุ่น
  • สะท้อนมุมมอง สภาลมหายใจเชียงใหม่
  • ดูผลลัพธ์ เชื่อมหลักการสำคัญกฎหมายอากาศสะอาด
  • เดินหน้าต่อ ยกระดับจัดการไฟ แก้ปัญหาฝุ่น

จากเวที Policy Forum ครึ่งทางฤดูฝุ่น จัดการไฟแก้ PM2.5 เชียงใหม่ ได้เปิดพื้นที่ฟังข้อมูล แลกเปลี่ยนมุมมอง ข้อเสนอแนะ เพื่อพัฒนาระบบการบริหารจัดการฝุ่นควันจากการเผา ภายใต้โจทย์ 4 เรื่อง ชวนคิด 1. อะไรที่ดีแล้ว 2. อะไรเกือบดีแล้วแต่ต้องเพิ่มเติมอีก 3. ทำแล้วเสียเปล่า และ 4. อะไรที่ยังไม่ได้ทำและน่าทำ

อะไรที่ดีแล้วทำต่อ

หนึ่งในประเด็นมีข้อเสนอให้ปรับปรุงเพื่อไปต่อ คือ เรื่องบทบาทและการมีส่วนร่วมขององค์กรส่วนท้องถิ่นในการบริหารจัดการการเผาในที่โล่ง ซึ่งที่ผ่านมา ‘เชียงใหม่โมเดล’ มีการปรับกระบวนทัศน์ให้ท้องถิ่น และภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตัดสินใจบริหารจัดการเชื้อเพลิง ควบคุมการเผา แก้ปัญหาหมอกควันร่วมกับหน่วยงานรัฐซึ่งเป็นทิศทางที่ดี

แต่พบว่ายังมีข้อจำกัดด้านการจัดการที่มีความทับซ้อนของกฎหมายและอำนาจหน้าที่ รวมถึงการจัดทำแผน ระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหาก “การจัดทำแผนการใช้ไฟ” มีความชัดเจนตั้งแต่ระดับหมู่บ้าน บนฐานข้อมูลเดียวกันในทุกระดับ และสามารถยกระดับเป็นแผนที่ได้รับอนุมัติโดยชอบด้วยกฎหมาย จะสามารถยกระดับความสำเร็จและผลลัพธ์ที่ดีมากขึ้นได้

ในข้อเสนออีกด้าน คือการบูรณาการความร่วมมือที่เห็นผลผ่านวอร์รูม และใช้ แอปพลิเคชัน FireD(ไฟดี) ในการบริหารจัดการเชื้อเพลิง แต่ก็อยากให้ขยายผลเทคโนโลยีไปจังหวัดอื่น ๆ ได้ใช้ เพื่อเก็บข้อมูลนำมาวิเคราะห์ตรวจสอบย้อนกลับและจัดระเบียบต่อได้ อยากเห็นการส่งต่อเรื่องนี้ไปออกแบบร่วมกันในเชิงนโยบาย

ที่ผ่านมา จากข้อมูล รศ.สมพร จันทระ ประธานคณะทำงานด้านวิชาการเพื่อสนับสนุนการแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือ ม.เชียงใหม่ พบว่า การควบคุมแหล่งกำเนิดฝุ่น ​ถ้าควบคุมภาคขนส่ง จะลด PM 2.5 ได้น้อยกว่า 1 % ควบคุมการเผาป่า จะลด PM 2.5 ได้ 20-50 % และควบคุมภาคการเกษตร จะลด PM 2.5 ได้ 5-25 % ​ที่สำคัญต้องควบคุมมลพิษข้ามแดน จะลด PM 2.5 ได้ 40-100 %

สอดรับกับข้อเสนอในเวที Policy Forum ที่เสนอให้เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ร่วมมือในการแก้ปัญหา ฝุ่น PM 2.5 ​​เพราะถือเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่มาก โดยไทยอาจเริ่มต่อยอดที่ข้อมูล ทางสถิติ หรืออาจใช้หลักการตรวจสอบการนำเข้าผลผลิตที่กระทบมลพิษทางอากาศที่อาจต้องกีดกัน

อะไรที่เกือบดีแต่ต้องเพิ่ม

ในส่วนประเด็นที่เสนอให้มีการปรับปรุงเพิ่มเติมคือ ​การปลดล็อก ถ่ายโอนภารกิจให้อำนาจท้องถิ่นในการป้องกันและควบคุมไฟป่า และการจัดสรรงบประมาณของจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 107 ล้านบาท ให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 117 แห่งในพื้นที่ ทั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ในวงเงินตั้งแต่ 700,000 – 180,000 บาท เพื่อนำไปใช้จัดจ้างประชาชนดูแลในจุดเฝ้าระวัง, จัดการตอบโต้สถานการณ์ในภาวะฉุกเฉิน และการประชาสัมพันธ์ สื่อสารเชิงรุกที่เข้าถึงง่าย

​ประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยและส่งต่อข้อเสนออย่างกว้างขวางในระหว่างการเสวนา ​รวมทั้งอยากให้มี แซนด์บ็อกซ์ที่เป็นแบบอย่างให้ชุมชนอื่น ๆ นอกจากนี้ยังเสนอให้​มีการสร้างองค์ความรู้ในระดับกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการประชาสัมพันธ์เพิ่มขึ้น ในขณะที่ปีนี้การขยับแผนเรื่องไฟคือส่วนดีที่ต้องทำต่อ

 

Visual Note

Policy Forum ครั้งที่ 8 I แก้ PM 2.5 เชียงใหม่
Policy Forum ครั้งที่ 8 I แก้ PM 2.5 เชียงใหม่