ThaiPBS Logo

แก้ไขรัฐธรรมนูญ

รัฐบาลแถลงนโยบายว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 โดยจะมีการจัดทำประชามติ ตามแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้วินิจฉัยมาโดยจะยึดถือเป็นหลัก

อ่านเพิ่มเติม

  • เริ่มนโยบาย
  • วางแผน
  • ดำเนินงาน
  • ตรวจสอบ
  • ประเมินผล

เริ่มนโยบาย

ขั้นตอนเริ่มต้นนโยบาย ประกาศนโยบายต่อสาธารณะ

วางแผน

ครม.เห็นชอบตามที่คณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ

ดำเนินงาน

ขั้นตอนดำเนินงานตามนโยบายที่ประกาศไว้

ตรวจสอบ

ขั้นตอนการตรวจสอบการทำงาน

ประเมินผล

ขั้นตอนการประเมินผลการดำเนินการตามนโยบาย

อ่านเพิ่มเติม

อัปเดทล่าสุด 23 เม.ย. 2567

  • (23 เม.ย. 2567) คณะรัฐมนตรีพิจารณารายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ โดยสรุปผลการพิจารณาได้ 2 ประเด็น คือ
    1. จัดทำ รธน. ฉบับใหม่ และการทำประชามติ 3 ครั้ง โดยการจัดทำประชามติครั้งที่ 1 กำหนดคำถามว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์”
    2. แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2564 โดยมีคำถามคือ

คำแถลงนโยบายระบุว่า “สิ่งที่สำคัญคือรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ข้อแรกคือ จะไม่ไปแตะหมวด 1 และหมวด 2 และพระราชอำนาจที่อยู่ในมาตราต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องหลัก และตั้งใจจะให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้จบภายใน 4 ปี ตามวาระรัฐบาล”

รัฐบาลตั้งเป้าหมายจะให้เสร็จสิ้นพร้อมมีกฎหมายลูกประกอบ เพื่อให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่สามารถทำได้เลย และตั้งมั่นที่จะให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่าน เพื่อนำมาใช้ให้ได้ ซึ่งก็ต้องพยายามรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย ทำให้รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นประชาธิปไตยให้ได้มากที่สุด สามารถที่จะลดความขัดแย้ง ไม่อยากให้การสร้างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นการสร้างความขัดแย้งใหม่ให้เกิดขึ้นและไม่ให้มีข้อถกเถียงที่แตกต่างกัน เพื่อให้สามารถดำเนินการได้ และคิดว่าการทำรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย จำเป็นต้องมีวิวัฒนาการและเป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกตั้งที่ดี

ข้อแตกต่างระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย-ก้าวไกล

พรรคเพื่อไทย มีนโยบายแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยมีเป้าหมายผลักดันให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย ขจัดการสืบทอดอำนาจเผด็จการ สร้างความเป็นธรรมให้ประชาชน

  • • จัดทำ “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” โดยคงรูปแบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนและผ่านขั้นตอนการออกเสียงลงประชามติโดยประชาชน
  • • “ปฏิรูประบบราชการทั้งระบบ” ให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว และมีความโปร่งใส
  • • ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม เพื่อความโปร่งใส คำนึงถึงหลักนิติธรรม “สร้างกระบวนการยุติธรรมที่ซื้อไม่ได้”
  • • ปรับปรุงยกเลิกกฎหมายทั้งหมดตามความจำเป็นลดกฎหมาย ลดขั้นตอน ลดการใช้ดุลยพินิจ
  • • กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับองค์กรอิสระต้องมีความเป็นอิสระ มีการคานอำนาจและมีความโปร่งใส
  • • ปฏิรูปกองทัพเป็นทหารมืออาชีพ ป้องกันการก้าวก่ายแทรกแซงทางการเมืองและการบริหารราชการแผ่นดิน ให้มีความเป็นทหารอาชีพ และแก้ไขกฎหมายยกเลิกการเกณฑ์ทหาร ให้เข้ารับราชการทหารโดยสมัครใจ
  • • เสนอกฎหมายป้องกันต่อต้านการรัฐประหาร
  • • กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น จัดการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดในจังหวัดนำร่อง

ส่วนพรรคก้าวไกล ระบุถึงเหตุผลในการแก้ไขรัฐบาลว่ารัฐธรรมนูญในฐานะกฎหมายสูงสุดของประเทศ รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 เป็นต้นตอของปัญหาการเมืองไทย เพราะมีที่มา กระบวนการ และเนื้อหา ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หากแต่ออกแบบมาเพื่อสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหารและระบอบประยุทธ์ อีกทั้งยังถูกเขียนโดยคนไม่กี่คนที่ คสช. แต่งตั้งอันเป็นผลให้เนื้อหาของรัฐธรรมนูญ 2560 มีการขยายอำนาจของสถาบันทางการเมืองที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน แต่ยึดโยงกับ คสช. และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจ

นอกจากนั้นแล้วกระบวนการประชามติในปี 2559 ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานประชาธิปไตย เพราะไม่ได้เปิดให้ทั้งสองฝ่ายรณรงค์ได้อย่างเท่าเทียมกัน มีคำถามพ่วงที่กำกวมและชี้นำ และเกิดขึ้นในสภาวะที่ประชาชนถูกบีบว่าหากไม่รับร่าง คณะรัฐประหารจะอยู่ในอำนาจต่อและจะไม่มีการเลือกตั้ง

ข้อเสนอ

  • • ร่างรัฐธรรมนูญใหม่โดยมีเนื้อหาที่ครอบคลุมอย่างน้อย 3 ด้าน
  • • ปิดช่องรัฐประหาร เพื่อไม่ให้รัฐธรรมนูญถูกฉีกได้ง่าย
  • • เพิ่มสิทธิของประชาชนในการต่อต้านรัฐประหาร และ กำหนดให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะรัฐประหาร
  • • ห้ามศาลทั้งปวงรับรองรัฐประหาร และกำหนดให้ทุกสถาบันทางการเมืองมีหน้าที่ร่วมกันในการปกป้องประชาธิปไตย
  • • ห้ามนิรโทษกรรมคณะรัฐประหาร และ เปิดช่องให้ประชาชนดำเนินคดีกับผู้ก่อรัฐประหารในความผิดฐานกบฎได้
  • • ปกป้องเสียงของประชาชน ผ่านการรื้อกลไกที่ถูกใช้ในการสืบทอดอำนาจ
  • • ยกเลิกวุฒิสภาของ คสช. ทำให้รัฐสภาเป็นของประชาชน อำนาจ-ที่มามีความชอบธรรม
  • • ยกเครื่องศาลรัฐธรรมนูญ-องค์กรอิสระ ทำให้เป็นกลาง มีระบบตรวจสอบที่ยึดโยงกับประชาชน
  • • ยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้นโยบายเท่าทันโลก และกำจัดข้ออ้างในการไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
  • • ปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อให้อำนาจในการกำหนดอนาคตของทุกพื้นที่ทุกจังหวัด อยู่ในมือของประชาชนผู้เกิด-ผู้อาศัย-ผู้ใช้ชีวิตในพื้นที่ ไม่ใช่ส่วนกลาง

เมื่นที่ 25 ธ.ค. 2566 ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 แถลงผลประชุมฯ ว่า

  • • จะถามคำถามเดียวว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ที่จะมีการจัดทำ รธน. ฉบับใหม่ โดยไม่แก้ไขหมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์”
  • • ทำประชามติ 3 รอบ
    • 1. การทำประชามติถามประชาชนว่าเห็นด้วยกับการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ (ก่อนแก้ไข)
    • 2. การทำประชามติตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 256
    • 3. การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (หลังยกร่างฉบับใหม่ ก่อนทูลเกล้าฯ ถวาย)
  • • คณะกรรมการจะนำข้อสรุปที่ได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน ม.ค. 2567 หรือภายในไตรมาศแรกของปี 2567 ต่อไป
  • • ที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) การออกแบบที่มาของสสร. ขึ้นอยู่กับกระบวนการพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในรัฐสภา
  • • งบประมาณ คาดว่าการทำประชามติแต่ละครั้งใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท

ภาพรวม

ลำดับเหตุการณ์

  • ครม. พิจารณารายงานผลการดำเนินงานของ คกก. เพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560  ดูเพิ่มเติม ›

    23 เม.ย. 2567

  • ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง กรณีที่ประชุมรัฐสภาส่งเรื่องขอให้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2567

    17 เม.ย. 2567

  • ที่ประชุมรัฐสภามีมติส่งเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยว่าการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง รัฐสภาสามารถลงมติพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญได้เลยหรือต้องทำประชามติก่อน

    29 มี.ค. 2567

  • พรรคก้าวไกลยื่นญัตติ ศึกษาขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ

    6 มี.ค. 2567

  • ส.ส. พรรคเพื่อไทย ลงชื่อเสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ม.256 ลดการทำประชามติรัฐธรรมนูญเหลือเพียง 2 ครั้ง  ดูเพิ่มเติม ›

    22 ม.ค. 2567

  • วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ระบุสถานการณ์การเมืองปี 2567 เรื่องแก้รัฐธรรมนูญจะเป็นประเด็นใหญ่

    27 ธ.ค. 2566

  • คกก.ประชามติ ได้ข้อสรุปว่า จะถามคำถามประชามติคำถามเดียวใจความว่า “ท่านเห็นชอบหรือไม่ให้มีการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยไม่แก้ไข หมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์” และจะเสนอครม. ช่วงไตรมาศแรกของปี 2567

    25 ธ.ค. 2566

  • รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยรับฟังความเห็นจากกลุ่มตัวอย่างทั้ง 4 ภาคเสร็จสิ้นแล้ว

    10 ธ.ค. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับประชาชน 15 กลุ่ม

    15 พ.ย. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับพรรคก้าวไกล

    14 พ.ย. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ทำเนียบรัฐบาล ทั้งนักเรียน นักศึกษาที่มีอายุเกิน 18 ปี

    8 พ.ย. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สภาผู้แทนรษฎร

    2 พ.ย. 2566

  • คกก.ประชามติหารือกับกรรมาธิการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา

    30 ต.ค. 2566

  • นายกฯ แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติฯ

    3 ต.ค. 2566

รายละเอียด

ความสำเร็จของนโยบาย

เชิงโครงการ

รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
รัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ตามกำหนดเวลาใน 4 ปี ตามวาระของรัฐบาล

เชิงกระบวนการ

เปิดรับฟังความคิดเห็น
คณะกรรมการฯเดินสายรับฟังความคิดเห็นของคนกลุ่มต่าง ๆ คาดว่าจะสามารถรวบรวมความคิดเห็นได้ภายในปีนี้

เชิงการเมือง

ลดความขัดแย้งทางการเมือง
การแก้ไขรัฐธรรมนูญตามกฎหมาย คาดว่าจะทำให้เกิดความชอบธรรมในการแก้ไขและลดปัญหาความขัดแย้งอันเนื่องจากรัฐธรรมนูญได้

บทความ/บทวิเคราะห์