นายมาธิอัส คอร์มันน์ เลขาธิการใหญ่แห่งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD Secretary-General) เปิดตัว “กระบวนการเพื่อการเข้าเป็นสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD)ของประเทศไทย” ที่กรุงเทพมหานคร โดยได้ส่งมอบแผนการดำเนินการเพื่อการเข้าเป็นสมาชิก หรือการภาคยานุวัตรของประเทศไทย (Roadmap for the Accession) ให้กับประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งไทยถือเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่สองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
คณะมนตรีแห่งองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD Council) ได้มีมติเห็นชอบต่อแผนการดำเนินการเพื่อการเข้าเป็นสมาชิก หรือการทำภาคยานุวัตรของประเทศไทย เมื่อ 10 ก.ค. 67 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีมติเห็นชอบต่อการเปิดการเจรจาเพื่อการเข้าเป็นสมาชิกของประเทศไทยหรือกระบวนการภาคยานุวัตรของประเทศไทย เมื่อ 17 มิ.ย. 67 ประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศลำดับที่สองจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เข้าสู่กระบวนการนี้ โดยก่อนหน้านี้มีประเทศอินโดนีเซียที่ผ่านขั้นตอนนี้แล้ว ทั้งนี้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มีพลวัตการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมากที่สุดในโลก
ประเทศไทยได้เข้าร่วมโครงการ Country Programmeของ OECD นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ประเทศไทยมีความร่วมมืออย่างต่อเนื่องกับองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) โดยมีการเข้ามามีส่วนร่วมในคณะกรรมการต่างๆขององค์กร แบ่งปันฐานข้อมูลในบางประเด็น และการเข้ามาเป็นภาคีในตราสารทางกฎหมายในหลาย ๆ ด้าน
นอกจากนี้ ในระหว่างวาระการเป็นประธานร่วมของประเทศไทยในโครงการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD Southeast Asia Regional Programme – SEARP) ระหว่างปี พ.ศ. 2561 ถึงปี พ.ศ. 2565 ประเทศไทยได้ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเชิงนโยบายและแนวทางการปฏิบัติที่ดีระหว่างผู้กำหนดนโยบายจากกลุ่มประเทศสมาชิก OECD และประเทศในภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาแนวทางการแก้ไขปัญหาร่วมกันเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านนโยบายทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก
นายมาธิอัส ได้แถลงว่าการเริ่มต้นของกระบวนการการเข้าเป็นสมาชิก หรือการทำภาคยานุวัตรของประเทศไทย คือจุดหมายถัดไปของความร่วมมือระหว่างองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) และประเทศไทยที่มีมาอย่างยาวนาน
“การดำเนินการเพื่อเข้ามาเป็นสมาชิกของ OECD จะส่งผลกระทบและสร้างความเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกต่อการแนวทางการปฏิรูปประเทศ การวิเคราะห์ทบทวนนโยบายสาธารณะต่างๆอย่างเคร่งคลัดและการประเมินเชิงลึกจากคณะกรรมาการต่างๆของ OECD จะช่วยผลักดันระเบียบวาระการปฏิรูปที่ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างสูงของประเทศไทยเพื่อที่จะบรรลุจุดมุ่งหมายของการเป็นประเทศที่มีรายได้สูงภายในปี พ.ศ. 2580 โดยประชาชนชาวไทยจะได้รับประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน นับตั้งแต่การสร้างโอกาสเพื่อการพัฒนาทักษะไปจนถึงการเพิ่มความสามารถในการดึงดูดการลงทุน ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยสามารถส่งเสริมการสนทนาและการถกเถียงเชิงนโยบายของ OECD จากมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์บนพื้นฐานของความรู้ความชำนาญจากประสบการณ์ ความท้าทายที่ต้องเผชิญและความสำเร็จของประเทศไทย”
แผนการดำเนินการเพื่อการเข้าเป็นสมาชิก หรือการทำภาคยานุวัตรของประเทศไทย (Accession Roadmap) ได้วางระเบียบข้อกำหนด เงื่อนไขและกระบวนการสำหรับการภาคยานุวัติของแต่ละประเทศที่จะเข้าสู่การเป็นสมาชิกของ OECD โดยจะสะท้อนนโยบายที่สำคัญเร่งด่วนที่กำหนดโดยประเทศสมาชิกของ OECD โดยกระบวนการดำเนินการเพื่อการเข้าเป็นสมาชิกนี้ จะมีการประเมินผลในเชิงลึกอย่างรอบด้านโดยละเอียดจากคณะกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง 26 คณะ ซึ่งจะตรวจสอบและเสนอแนะแนวทางปฎิรูปมาตรฐาน นโยบายและแนวทางปฏิบัติของประเทศไทยให้สอดคล้องกับมาตรฐานของOECD
การประเมินผลเชิงเทคนิค (technical reviews) จะครอบคลุมนโยบายสาธารณะในแทบทุกด้าน เช่น การเปิดการค้าและการลงทุน ธรรมาภิบาลภาครัฐ ความซื่อสัตย์สุจริตและความมุ่งมั่นในการต่อต้านการทุจริต ตลอดจนการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพและการดำเนินการแก้ไขปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศ
เมื่อผ่านการประเมินผลเชิงเทคนิค (technical reviews) ต่างๆแล้ว คณะกรรมการอาจให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขกฎหมาย นโยบายและแนวทางการปฏิบัติของประเทศไทยเพื่อยกระดับเข้าให้สู่มาตรฐานและแนวทางปฏิบัติที่ดีของ OECD ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นเพื่อให้การปฏิรูปอย่างมีประสิทธิภาพและเป็นการเกื้อหนุนต่อระเบียบวาระการปฏิรูปภายในของประเทศไทยเอง
การดำเนินการเพื่อการเข้าเป็นสมาชิก หรือการทำภาคยานุวัตรให้สำเร็จลุล่วงนั้นไม่มีเงื่อนไขด้านเวลาอย่างตายตัว ผลลัพธ์และการใช้เวลาจะขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าในการดำเนินการของประเทศผู้สมัครแต่ละประเทศว่าจะปรับเปลี่ยนและปรับปรุงให้สอดคล้องกับมาตรฐานและแนวทางการปฏิบัติที่ดีของ OECD ได้อย่างรวดเร็วแค่ไหน เมื่อคณะกรรมการเฉพาะด้านทุกคณะ (the technical committees) ได้ทำการประเมินตรวจสอบเสร็จสิ้นแล้ว ประเทศสมาชิกของ OECD จะลงมติร่วมกันเพื่อเชิญประเทศผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก
รัฐบาลเร่งปฏิรูปโครงสร้างรองรับ
ในวันเดียวกัน (30 ต.ค. 67) นายมาทีอัส คอร์มันน์ เลขาธิการองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (Organisation for Economic Co-operation and Development: OECD) เข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
นายพิชัย กล่าวว่าเป็นโอกาสอันดีในการหารือเกี่ยวกับกระบวนการและความคาดหวังในการเข้าเป็นสมาชิกของไทย โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการยกระดับและส่งเสริมการปฏิรูปโครงสร้างด้านนโยบาย กฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ของไทยให้มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับ OECD และตอบโจทย์การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยอย่างครอบคลุม
กระบวนการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาล OECD และภาคส่วนต่าง ๆ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญ เพราะบริบทของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ความรู้และความเชี่ยวชาญจาก OECD จะเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาความร่วมมือระหว่างไทยกับ OECD และการยกระดับการพัฒนานโยบายเศรษฐกิจของไทยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
อ่านเพิ่มเติม: