สำนักงานประกันสังคม สู้กระแสโซเชียลเกี่ยวกับสูตรบำนาญประกันสังคมใหม่ หรือ CARE ที่คาดว่าจะประกาศใช้ในปี 69 แต่เนื่องจากมีสมาชิกที่เข้าเกณฑ์สูตรใหม่ประมาณ 13 ล้านคน ทำให้เกิดความสับสน โดยเฉพาะการสื่อสารและการค้นหาข้อมูลในสังคมออนไลน์ เนื่องจากข้อมูลคลาดเคลื่อน
สำนักงานฯ ระบุว่า “จากความสับสนเกี่ยวกับสูตรบำนาญประกันสังคมใหม่ หรือ เรียกว่าสูตร CARE ทำให้สมาชิกเกิดข้อสงสัยกันมากในหลายประเด็น ทางสำนักงานประกันสังคม ได้ใช้ ChatGPT ในชื่อว่า น้องแคร์ – ผู้ช่วยสูตรบำนาญ CARE ช่วยตอบคำถาม”
“น้องแคร์” ตอบคำถามที่กระแสโซเชียลสงสัย โดยดึงข้อมูลจากเอกสารทางการเท่านั้น เพราะที่ผ่านมา ข้อมูลที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ “ขัดแย้งกันเอง” ทำให้หลายคนสับสน รวมถึง ไปถาม ChatGPT ซึ่งดึงข้อมูลจากเว็บหรือคำนวณบำนาญไม่ถูกตามกติกา แล้วแชร์ต่อ จนเกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย
สำนักงานฯระบุว่า “น้องแคร์” จะตอบคำถามจากเฉพาะเอกสารที่ทางการเผยแพร่ “ไม่แต่งเอง ไม่คาดเดา ไม่ทำนาย และไม่มีเนื้อหาทางการเมือง”
สูตร CARE และ สูตรเดิม
ให้ผลต่างกันเพราะ “วิธีคิดฐานค่าจ้าง” และ “วิธีคิดอัตราบำนาญ” ไม่เหมือนกัน เปรียบเทียบดังนี้
1) วิธีคิดฐานค่าจ้าง
สูตรเดิม
- ใช้ “เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย” เท่านั้น
- ถ้าเงินเดือนสูงในช่วงท้าย จะได้บำนาญสูง
- ถ้าเงินเดือนตกช่วงท้าย หรือถูกเลิกจ้าง จะเสียเปรียบทันที
(อ้างอิงจากเอกสาร หลักเกณฑ์สิทธิชราภาพเดิม และตัวอย่างใน เปลี่ยนความไม่แน่นอนเป็นความแน่นอน )
สูตร CARE
- เฉลี่ย “ทุกเดือนที่ส่งเงิน” แต่ ปรับมูลค่าเป็นค่าเงินปัจจุบัน ก่อนเฉลี่ย
- ทำให้ค่าจ้างในอดีตมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ไม่ถูกด้อยค่าตามกาลเวลา
- ใช้ค่าจ้างเฉลี่ยระบบ 60 เดือนสุดท้าย (System FAE) คูณกับคะแนนเฉลี่ย (Avg PP)
(อธิบายจาก รายละเอียดแต้มบำนาญ และ รายละเอียดปรับสูตรบำนาญ )
2) วิธีคิดอัตราบำนาญ
สูตรเดิม
- เริ่มที่ 20%
- เพิ่มปีละ 1.5% เฉพาะปีที่ “ครบปีเท่านั้น” → เศษเดือนไม่คิด
(จาก รายละเอียดปรับสูตรบำนาญ )
สูตร CARE
- เริ่มที่ 20%
- เพิ่ม 0.125% ต่อทุกเดือน → ให้สิทธิครบทุกเดือน ไม่ทิ้งเศษ
(จาก รายละเอียดปรับสูตรบำนาญ และ ตอบประเด็น ม.33 )
3) ผลกระทบต่อผู้ประกันตน
จากเอกสาร ใครได้ใครเสีย, เปลี่ยนความไม่แน่นอนเป็นความแน่นอน, และผลวิเคราะห์ของสปส.
กลุ่มที่ได้เพิ่มขึ้นจาก CARE
• คนรายได้ขึ้น ๆ ลง ๆ ไม่แน่นอน
• คนที่เปลี่ยนเป็น ม.39 ช่วงท้าย
• คนที่เคยเงินเดือนสูง แต่ช่วงใกล้เกษียณเงินเดือนลด
• คนที่ส่งครบ 15 ปีแล้วหยุดส่ง (เพราะ CARE ปรับค่าเงินจนถึงวันที่รับสิทธิ)
(อ้างอิงหลายไฟล์ เช่น ใครได้ใครเสีย และ กรณีออกก่อน 55 ปี )
กลุ่มที่ใกล้เคียงเดิม
• ผู้ประกันตน ม.33 ที่ค่าจ้างโตตามปกติ ไม่มีตกช่วงท้าย
กลุ่มที่อาจได้น้อยลง
• คนที่เงินเดือน “พุ่งสูงเฉพาะ 5 ปีสุดท้าย” อย่างชัดเจน
(จาก ใครได้ใครเสีย และตัวอย่าง A–B–C ในเอกสาร เปลี่ยนความไม่แน่นอนเป็นความแน่นอน )
สรุป
- สูตรเดิม “เน้น 5 ปีท้าย” → เหมาะกับคนที่เงินเดือนพุ่งช่วงปลายแต่เสี่ยงถ้าเงินเดือนตกค่ะ
- สูตร CARE “เฉลี่ยตลอดอายุงานแบบปรับค่าเงิน” → เป็นธรรมกว่า และเสถียรกว่าในโลกที่รายได้ไม่แน่นอนค่ะ
- โดยรวม ผู้เกษียณ 10 ปีข้างหน้าได้บำนาญเฉลี่ยเพิ่มขึ้นตามข้อมูลสปส.ค่ะ (อ้างอิง ผลต่อกองทุน และ ตอบประเด็น ม.33 )
แต้มบำนาญ (Pension Point)
เป็นหลัการที่นำมาใช้เพราะเป็น “วิธีคำนวณแบบ CARE” ที่ทำให้บำนาญสะท้อนรายได้จริงตลอดอายุงานอย่างเป็นธรรม และแก้ปัญหาการเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายที่ผันผวน
1) ทำไมต้องใช้ “แต้มบำนาญ”
- ถ้าเฉลี่ยค่าจ้าง “ตรง ๆ” ตั้งแต่ปี 2541–ปัจจุบัน ค่าจ้างเก่า ๆ จะต่ำมาก ทำให้บำนาญออกมาต่ำเกินจริง
- จึงต้อง “ปรับมูลค่า” ค่าจ้างในอดีตให้เป็นค่าเงินปัจจุบัน เพื่อความเป็นธรรม เช่น ค่าจ้างเฉลี่ยระบบปี 2541 = 6,346 บาท แต่ปี 2568 = 12,540 บาท → ค่าเงินเพิ่มราว 1.98 เท่า
- การปรับมูลค่าทุกเดือนทำได้ยากมาก จึงใช้วิธี “แปลงเป็นแต้มบำนาญ” แทน → ง่ายต่อการคำนวณ และยังคงความถูกต้องทางคณิตศาสตร์
- แต้มช่วยรองรับ “โลกจริงที่ไม่แน่นอน” เช่น ช่วงท้ายเงินเดือนตก ก็ยังได้บำนาญที่สะท้อนรายได้ทั้งชีวิต ไม่ใช่ 5 ปีสุดท้ายเท่านั้น
2) แต้มบำนาญคืออะไร และคำนวณอย่างไร
1) แปลงค่าจ้างแต่ละเดือนเป็น “แต้มบำนาญ”
แต้ม = ค่าจ้างเดือนนั้น / ค่าจ้างเฉลี่ยของผู้ประกันตนมาตรา 33 ทั้งระบบในเดือนเดียวกัน
ตัวอย่าง:
- เดือน ธ.ค. 2541 ค่าจ้างคุณ = 5,000 บาท
- ค่าจ้างเฉลี่ยทั้งระบบ = 6,346 บาท
แต้มเดือนนั้น = 5,000 ÷ 6,346 ≈ 0.79 แต้ม
หมายเหตุ: แต้มของทุกคนเป็นสัดส่วนเทียบกับค่าเงิน ณ เวลานั้น จึง “เป็นธรรม” กว่าการใช้ตัวเลขค่าจ้าง
2) เฉลี่ยแต้มบำนาญทั้งหมด
นำแต้มทุกเดือนไปเฉลี่ย = Avg Pension Point
3) แปลงแต้มกลับเป็นค่าจ้างปัจจุบัน (CARE Base Wage)
เมื่อเกษียณ สปส.จะเอา:
ฐานบำนาญ CARE = Avg Pension Point × ค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายของระบบ (System FAE)
ตัวเลข System FAE มาจากไฟล์สถิติ เช่น ธ.ค. 2568 = 11,966 บาท
4) เอาฐานบำนาญ × อัตราบำนาญ
อัตราบำนาญ = 20% + 0.125% ต่อเดือนหลังจากครบ 180 เดือน (ตามเอกสารสูตร CARE)
ผลลัพธ์คืออะไร?
- ค่าจ้างเก่าได้รับ “การปรับมูลค่าอัตโนมัติ” ให้เทียบเท่าปัจจุบัน
- ผู้ที่มีรายได้ลดลงช่วงท้ายอาชีพจะได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น
- คำนวณง่ายกว่าเฉลี่ยค่าจ้างทุกเดือนแล้วคูณตัวปรับหลายพันรายการ
ใครได้ประโยชน์–ใครเสียประโยชน์
กลุ่มที่ “ได้ประโยชน์”
- ผู้ประกันตน ม.33 ที่เงินเดือนค่อย ๆ โตตามปกติ → บำนาญใกล้เคียงหรือสูงกว่าสูตรเดิมค่ะ
- ผู้ที่เปลี่ยนมาเป็น ม.39 ช่วงใกล้เกษียณ → ได้บำนาญเพิ่มขึ้นมาก
- ผู้ที่ค่าจ้างสูงในอดีต แต่ช่วงท้ายเงินเดือนลดลง → CARE คุ้มครอง ทำให้ได้มากขึ้น
- ผู้ที่ส่งครบ 15 ปี แล้วออกจากระบบก่อน 55 ปี → ได้เพิ่มขึ้น เพราะ CARE ปรับค่าจ้างตามค่าเงิน ณ วันที่เกิดสิทธิ
- ผู้รับบำนาญปัจจุบันก็ได้ประโยชน์ เพราะมี “การันตีไม่ลด” และปรับเพิ่มหาก CARE คำนวณได้มากกว่า
กลุ่มที่ “เท่าเดิม” ผู้ที่ส่ง ม.33 ด้วยค่าจ้างเต็มเพดาน 15,000 บาทแทบทุกช่วง → บำนาญใกล้เคียงเดิม
กลุ่มที่ “อาจได้ลดลง” ผู้ที่มีค่าจ้างต่ำในอดีต แต่เงินเดือน ขึ้นแรงเฉพาะ 5 ปีสุดท้ายแบบพุ่งเร็วมาก → อาจได้ลดลง เพราะสูตรเดิมเฉลี่ยแค่ 60 เดือนท้าย แต่สูตร CARE เฉลี่ยทั้งอายุงาน
แต่กลุ่มนี้ยังมี “กลไกชดเชยช่วงเปลี่ยนผ่าน” ช่วยลดผลกระทบด้วย
กลไกชดเชยช่วงเปลี่ยนผ่าน
กลไกชดเชยช่วงเปลี่ยนผ่านคืออะไร? เป็นมาตรการที่สำนักงานประกันสังคมออกแบบมาเพื่อ กันไม่ให้ผู้ที่เริ่มเกษียณในช่วง 5 ปีแรกของการใช้สูตร CARE ได้บำนาญลดลง จากสูตรเดิม
กองทุนมีงบสำหรับกลุ่มนี้ประมาณ 31,000 ล้านบาท เพื่อช่วยผู้ที่เริ่มรับบำนาญใน 5 ปีแรก (ประมาณ 4.5 แสนคน)
หลักการทำงาน
คำนวณบำนาญตามสูตรเดิม (เฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย)
คำนวณตามสูตร CARE
ถ้า CARE ได้น้อยกว่า → จะมีเงินชดเชย ให้ส่วนต่าง เพื่อให้ใกล้เคียงกับสิทธิที่ควรได้รับช่วงเปลี่ยนผ่าน
ใช้เฉพาะ ผู้ที่เริ่มรับบำนาญในช่วง 5 ปีแรก หลังเริ่มใช้สูตร CARE เท่านั้น
ทำไมต้องมีชดเชย? เพราะแนวคิดหลักของ CARE คือ “เฉลี่ยค่าจ้างทั้งอายุงาน” แต่คนที่ใกล้เกษียณมีประวัติค่าแรงที่ถูกจำกัดแล้ว
→ จึงต้องมีมาตรการคุ้มครองไม่ให้ได้รับผลลบแบบทันที
ใครได้ประโยชน์จากชดเชยช่วงเปลี่ยนผ่าน?
- คนที่กำลังจะเกษียณใน ปีแรก ๆ หลังเริ่มใช้ CARE
- คนที่ค่าจ้างพุ่งช่วงท้าย (สูตรเดิมเคยได้เยอะกว่า)
- คนที่ประวัติรายได้ “ไม่สม่ำเสมอ” ช่วงชีวิตทำงาน
- ผู้ที่กังวลว่าประวัติค่าจ้างเดิมจะทำให้สิทธิลดลง
ที่มา: น้องแคร์ – ผู้ช่วยสูตรบำนาญ CARE
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง:




