การพัฒนาแพลตฟอร์ม Policy Watch หรือจับตาอนาคตประเทศไทย ถือเป็นนวัตกรรมประชาธิปไตยจากไทยพีบีเอส ในฐานะสื่อสาธารณะของประเทศ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์
- ส่งเสริมการรับรู้และการมีส่วนร่วมอย่างเท่าเทียมของประชาชน ในการสร้างสังคมประชาธิปไตยที่เป็นธรรม มีความกล้าหาญในการรายงานข่าวสารและเสนอประเด็นโต้เถียง โดยยึดถือประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญ
- เป็นเครื่องมือแห่งการเรียนรู้ เสริมสร้างสติปัญญาและสุขภาวะ แก่ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกระดับอายุ ให้เป็นพลเมืองคุณภาพ
- สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นให้เกิดจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ เพื่อยกระดับสุนทรียภาพให้กับสังคม
- ส่งเสริมเอกลักษณ์และความหลากหลายทางวัฒนธรรม เสริมสร้างความสมานฉันท์ในสังคม
- สะท้อนความหลากหลายของสังคม เป็นพื้นที่ให้แก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสและกลุ่มเฉพาะต่างๆ อย่างเหมาะสม ทั้งในระดับชุมชนและระดับชาติ
- เพื่อสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่าง ชุมชน ประชาชน และประชาคมโลก
ในอดีต การสื่อสารนโยบายสาธารณะ เป็นการสื่อสารทางเดียว คือ ภาคนโยบายสื่อสารสิ่งที่ทำสู่สาธารณะ โดยถือว่า “สื่อ” เป็นช่องทางผ่าน เรียกว่าเป็นรูปแบบ “การสื่อสารเส้นตรง” มีเป้าหมายเดียว คือ แจ้งให้ทราบว่ากำลังจะดำเนินการนโยบายอะไรและต้องการผู้ปฏิบัติตามให้ความร่วมมือ แต่ไม่ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมของสาธารณะที่ประชาชนมีอำนาจ
การสื่อสารทางเดียว ทำให้กระบวนการสื่อสารนโยบายสาธารณะเกิดช่องว่างและปรับตัวไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมากขึ้น รวมไปถึงเกิดความความสัมพันธ์ในลักษณะเป็น “ความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์” กล่าวคือ ประชาชนต้องพึ่งพาข้อมูลจากผู้มีอำนาจในระดับนโยบายเท่านั้น แต่จากทิศทางการกำหนดนโยบายสาธารณะยุคใหม่ที่ต้องการให้เกิดการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนมากขึ้น การสื่อสารนโยบายต้องเป็นการ “สื่อสารหลายทาง” ระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในสังคม เพื่อนำไปสู่นโยบายที่เหมาะสม เป็นประชาธิปไตยและตอบโจทย์ของคนทุกคนมากที่สุด
การพัฒนานโยบายสาธารณะในยุคใหม่ ที่ต้องการความเห็นหลากหลายจากคนหลายกลุ่มและหลายหน่วยงานในการระดมความคิดเห็นและประเมินผลกระทบอย่างรอบด้าน ทำให้การกำหนดนโยบายสาธารณะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาประชาธิปไตยของประเทศด้วย
Policy Watch ภายใต้ไทยพีบีเอส เปลี่ยนจาก “สื่อกลาง” ที่เป็นเพียงแค่ตัวกรองและส่งเรื่องราวจากระดับนโยบายไปสู่ประชาชน กลายเป็น “สะพานเชื่อม” ความสัมพันธ์ระหว่างระดับนโยบายกับสาธารณะ กลายเป็น “รูปแบบสามเหลี่ยมการสื่อสาร”
- นโยบาย
- สาธารณะ
- สื่อ
ความสัมพันธ์ระหว่าง “นโยบาย-สาธารณะ-สื่อ” จะมีลักษณะ “สองทาง” กล่าวคือ ระดับนโยบายจะไม่ได้ทำหน้าที่แค่บอกข้อมูลหรือเผยแพร่ข่าวสารอย่างเดียว แต่ต้อง “รับฟังความเห็น” จากสาธารณะ ขณะที่ภาคสาธารณะไม่ใช่เป็นแค่ “ผู้รับสาร” แต่เข้าไป “มีส่วนร่วมในการเสนอ” ข้อมูลและมีส่วนร่วมในการตัดสิน
สื่อจึงมีบทบาทสำคัญ เพราะจะไม่ใช่แค่ “กล่องเปล่าที่ใช้ส่งสาร” แต่จะกลายเป็นพื้นที่ตรงกลาง เป็นศูนย์รวมในการกำหนดวาระนโยบาย โดย “เสียง”ของประชาชนสำคัญต่อวาระของนโยบาย และระดับนโยบายใกล้ชิดกับสาธารณะมากขึ้น
Policy Watch จึงเป็นพื้นที่ของการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง “ภาคนโยบาย ภาคสาธารณะ และสื่อ” มีลักษณะของความสัมพันธ์ที่เป็นประชาธิปไตย
ข้อมูลอ้างอิง : บทสัมภาษณ์ ผศ.ธีรพัฒน์ อังศุชวาล : ‘Policy Watch’ สะพานเชื่อม ‘นโยบาย-สาธารณะ’ เพื่อการมีส่วนร่วม